Customer Reviews

5
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 09 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง รู้ทันสันดานศัพท์
เป็นหนังสือ BESTSELLER เขียนโดยเฑียร ธรรมดา ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือรู้ทันสันดาน tense ค่ะ
หนังสือรู้ทันสันดานศัพท์เป็นหนังสือที่สอนให้เรารู้จักธรรมชาติและที่มาของคำศัพท์ภาษาอังกฤษค่ะ โดยผู้เขียนก็จะแบ่งส่วนประกอบของคำศัพท์เป็นสามส่วนค่ะ คือใบหน้าของคำศัพท์ หัวใจของคำศัพท์ และบั้นท้ายของคำศัพท์ค่ะ
ซึ่งส่วนแรกคือส่วนของใบหน้าของคำศัพท์ เป็นส่วนที่อยู่ด้านหน้าของคำศัพท์นั่นเองค่ะ จะเป็นส่วนที่ช่วยชี้บอกทิศทางของความหมาย ซึ่งบางตัวก็จะบอกเป็นนัยๆแต่บางตัวก็จะบอกความหมายที่ชัดเจนได้โดยไม่ต้องเดาเลยค่ะ และสำหรับหัวใจของคำศัพท์ก็จะเป็นส่วนที่จะทำให้เราเข้าใจถึงความหมายหลักๆของคำศัพท์นั้นๆ ซึ่งรากคำที่ถูกนำเอามาใช้เป็นหัวใจสร้างคำศัพท์ก็จะมีหลายแบบ แต่ผู้เขียนจะยกตัวที่น่าสนใจและใช้กันมากมาตีแผ่และบอกให้เห็นถึงธรรมชาติในการสร้างคำศัพท์ค่ะ สำหรับส่วนสุดท้ายของคำศัพท์นั่นคือบั้นท้ายศัพท์ค่ะ ก็จะเป็นส่วนที่รั้งอยู่ส่วนท้ายของคำศัพท์เพื่อปรับเปลี่ยนความหมาย และยังสามารถทำให้บทบาทหน้าที่ของศัพท์นั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ด้วย โดยผู้เขียนจะเลือกเอาเฉพาะส่วนท้ายศัพท์ที่เห็นกันอยู่บ่อยๆมาอธิบายให้เข้าใจค่ะ
หนังสือเล่มนี้ถือเป็นอีกเล่มหนึ่งที่ดีมากๆ เป็นหนังสือที่สอนการเรียนรู้คำศัพท์ได้ง่ายและดีที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยค่ะ เพราะเป็นการสอนเทคนิคในการเดาคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้อย่างถึงรากถึงโคนจริงๆค่ะ คือเข้าใจถึงแก่นถึงธรรมชาติและที่มาของคำศัพท์ หลักการในการเดาคำศัพท์ได้ก็ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ แค่แยกส่วนประกอบของคำศัพท์เป็นก็สามารถเข้าใจคำศัพท์ต่างๆได้แล้ว แต่จะแยกกันยังไงก็สามารถหาอ่านได้ในเล่มนะคะ และที่สำคัญคืออ่านแล้วไม่เครียดเลยค่ะ จะมีเทคนิคต่างๆในการเข้าใจคำศัพท์ที่ดีมากๆ เพราะนอกจากจะช่วยลดเวลาในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มากมายก่ายกองแล้ว ยังเป็นการทำให้เราเข้าใจถึงคำศัพท์นั้นจริงๆ และจำได้แม่นมากเลยล่ะค่ะ
สำหรับรูปเล่มก็น่าอ่าน มีภาพประกอบที่น่าสนใจเพื่อสร้างความเข้าใจแทรกอยู่ตลอดเลย เมื่ออ่านแล้วก็อ่านสนุก อ่านเพลินไปเลยค่ะจนลืมนึกไปเลยว่าเป็นเนื้อหาทางวิชาการ หนังสือเล่มนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งค่ะสำหรับผู้กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ และสำหรับผู้ที่สนใจในการเรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษก็สามารถอ่านและเอาเทคนิคต่างๆในเล่มไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ ซึ่งก็บอกได้เลยค่ะว่าอ่านแล้วไม่เครียดเหมือนอ่านหนังสือเรียน และเทคนิคต่างๆที่อยู่ในเล่มก็เป็นเทคนิคที่จำง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยากอะไรเลย อีกทั้งยังอ่านง่าย อ่านแล้วก็สนุก และเป็นภาษาที่สามารถเข้าใจได้ง่ายด้วยค่ะ
5
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 08 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง ปวดท้องประจำเดือน
หนังสือเรื่องปวดท้องประจำเดือน เขียนโดยแพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข ผู้เป็นวิทยากรประจำรายการชูรักชูรส และเป็นผู้เขียนบทความทางการแพทย์ผ่านทางหนังสือและนิตยสารมากมาย
หนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วยความรู้เกี่ยวกับประจำเดือน โดยเค้าก็จะบอกหมดค่ะว่าประจำเดือนเกิดขึ้นได้อย่างไร มันจะมาเมื่อไหร่ และจะมากี่วันถึงเรียกว่าปกติ รวมถึงสาเหตุต่างๆที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติด้วยค่ะ และเมื่อผู้หญิงปวดประจำเดือนแล้วควรจะมีวิธีการปฏิบัติตัวอย่างไร อาหารการกินแบบไหนถึงจะดี และเค้าก็บอกด้วยนะคะว่าจะมีวิธีการอย่างไรในการจัดการความเครียดก่อนมีประจำเดือน ซึ่งความเครียดก็สามารถส่งผลกระทบต่อการมีประจำเดือนด้วยค่ะ และการปวดประจำเดือนแบบธรรมดาเป็นอย่างไร แบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็นการปวดแบบธรรมดา การปวดประจำเดือนแบบไม่ธรรมดาเป็นอย่างไร เกิดมาจากสาเหตุอะไร และจะมีวิธีการรับมือกับการปวดประจำเดือนแบบไม่ธรรมดาอย่างไร และโรคที่เป็นสาเหตุของการปวดประจำเดือนไม่ธรรมดาที่พบบ่อยคืออะไรได้บ้าง และจะมีอาการของแต่ละโรคอย่างไร รักษาได้อย่างไรบ้าง หนังสือเล่มนี้ก็มีให้ครบค่ะ
การปวดท้องประจำเดือนก็มีทั้งแบบธรรมดาและไม่ธรรมดา และบางทีการปวดท้องมากอันนื่องมาจากการบีบตัวของมดลูก จนบางทีแม้กินยาแก้ปวดก็ไม่หาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการปวดแบบไม่ธรรมดาเสมอไป หนังสือเล่มนี้ก็จะบอกวิธีการสังเกตตนเองแบบง่ายๆในการปวดท้องประจำเดือนของผู้หญิงอย่างเราค่ะ
การปวดท้องประจำเดือนกับผู้หญิงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงกันได้ยาก และในแต่ละคนก็มีอาการปวดท้องที่แตกต่างกันไป และตราบใดที่ผู้หญิงยังมีประจำเดือนอยู่ มากกว่าร้อยละเก้าสิบของจำนวนผู้หญิงทั้งหมดจะต้องมีอาการปวดท้องระหว่างการมีประจำเดือน อีกทั้งในบางรายก็จะมีอาการร่วมด้วยพร้อมกับการปวดท้องประจำเดือน เช่น อาการท้องเสีย การคลื่นไส้อาเจียน อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และอื่นๆอีกมากมายค่ะ
หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือที่ผู้หญิงเราควรมีไว้ประจำบ้านค่ะ ถือว่าเป็นคู่มือเล่มหนึ่งในการดูแลตนเองเลยก็ว่าได้ เป็นหนังสือที่สามารถเอาไว้เช็คร่างกายของตนเองได้ อ่านแล้วก็รู้อะไรเกี่ยวกับการมีประจำเดือนของผู้หญิงเรามากขึ้น รู้ว่าการปวดแบบไหนที่ธรรมดา แบบไหนที่ไม่ธรรมดา และถ้ามีอาการปวดแบบนี้ถือว่าเป็นมากหรือไม่ และจะมีวิธีการแก้อาการปวดท้องเบื้องต้นได้อย่างไร และถ้าปวดมากๆจะต้องทำอย่างไรบ้าง ยาแก้ปวดแบบไหนที่สามารถกินได้ การปวดท้องประจำเดือนจะมีสิ่งอื่นที่สามารถกินร่วมกับยาแก้ปวดด้วยหรือไม่ หนังสือเล่มนี้ก็บอกหมดเลยค่ะ
เพลงรักแห่งจันทรา
4
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 07 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง เพลงรักแห่งจันทรา
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือในโครงการนักเขียนดาวดวงใหม่ของสำนักพิมพ์พิมพ์คำเขียนโดยดาราพิณค่ะ
เนื้อเรื่องของหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นจากผู้ทำนายคนหนึ่งของชนเผ่าเซนาชื่อผู้เฒ่ามาธา ได้ทำนายไว้ว่าเนฟาจะเป็นหญิงสาวผู้เหนือกว่าหญิงคนใดในเผ่า และจะได้ครองบัลลังก์เคียงคู่กษัตริย์ผู้เก่งกล้า ซึ่งนั่นก็เป็นลิขิตจากเทพีจันทรา แต่นั่นเป็นสิ่งที่เนฟาหลีกเลี่ยงมาตลอดเพราะเธอไม่อยากออกจากหมู่บ้านที่เธอรักและอยู่อาศัยมาตลอดชีวิต เพราะกฎของชนเผ่าได้กำหนดไว้ว่าถ้าใครก็ตามที่แต่งงานกับคนนอกเผ่าจะต้องออกไปจากหมู่บ้าน แต่แล้ววันที่เทพีจันทราได้ลิขิตเอาไว้ก็มาถึง โชคชะตาได้นำพาทั้งคู่มาพบกัน ท่ามกลางการหลอกลวงว่าพระเอกคือเอฟทหารคนสนิทของเจ้าชายทั้งที่ความจริงแล้วคือเจ้าชายปลอมตัวมา
พระเอกของเรื่องนี้คือเจรัลซึ่งเป็นเจ้าชายรัชทายาทของเมืองจีราซ ลักษณะโดยทั่วไปของเค้าจะเป็นเหมือนพระเอกพีเรียดไทยในสมัยก่อน คือเป็นทั้งนักรบและนักรัก หรือเจ้าชู้มากๆนั่นเองค่ะ โดยที่ไม่ว่าเค้าจะผ่านไปเมืองไหน ก็จะต้องแวะชื่นชมสาวงามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งยังเป็นคนเจ้าสเน่ห์ ยิ้มเก่ง เป็นมิตร และที่สำคัญคือเจ้าเล่ห์กับนางเอกเอามากๆ เป็นคนที่ตัดสินใจได้เร็ว เมื่อรักใครแล้วก็จะรักคนๆนั้นจริงๆและเป็นรักเดียวในชีวิต ไม่หวั่นกลัวภัยหรืออันตรายใดๆ และพร้อมเสมอที่จะปกป้องนางเอก ส่วนนางเอกของเรื่องคือเนฟาซึ่งเป็นลูกของหัวหน้าเผ่าเซนา ก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่เก่งคนหนึ่งของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากความสวยที่ไม่เป็นสองรองใครในเผ่าแล้ว เธอยังเป็นคนที่ต่อสู้เก่งมาก ทั้งในด้านการต่อสู้แบบประชิดตัว หรือการต่อสู้ระยะไกลเธอก็เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี อีกทั้งเรื่องยาสมุนไพรเธอก็ช่ำชองเป็นอย่างยิ่ง และด้วยมีบุคลิกที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังมีความงามที่แปลกตาจนสามารถพิชิตใจคนเจ้าชู้มากรักอย่างเจ้าชายเจรัลได้ แต่หญิงสาวเป็นคนที่ค่อนข้างอคติกับคนเมืองเป็นอย่างมากเพราะเธอเข้าใจว่าคนเมืองจะมีนิสัยที่ชอบดูถูกและรังแกคนที่ต่ำต้อยกว่าเสมอ
เพลงรักแห่งจันทราเป็นหนังสือที่สนุกและน่าติดตามอีกเรื่องหนึ่ง โดยเจรัลและเนฟาก็ถือได้ว่าเป็นอีกคู่หนึ่งที่ค่อนข้างเพอร์เฟคไปทุกด้าน ทั้งรูปร่างหน้าตา เชื้อชาติ ฐานันดร ความรู้ความสามารถ และความเก่งกาจในการต่อสู้ แต่นางเอกจะด้อยกว่าพระเอกในเรื่องชาติตระกูล เพราะถึงนางเอกจะเป็นถึงลูกของหัวหน้าเผ่า แต่พระเอกก็เป็นถึงเจ้าชายรัชทายาท ซึ่งนั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคอะไรเลยต่อความรักของคนทั้งคู่ค่ะ
ถามจากสมอง ตอบจากหัวใจ(ปกใหม่)
5
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 07 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง ถามจากสมองตอบจากหัวใจ
ถามจากสมองตอบจากหัวใจเป็นหนังสือที่รวบรวมคำถามดีๆที่จะทำให้เรารู้คำตอบที่ต้องการและทำให้เราสามารถพัฒนาตนเองได้ด้วย เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าที่ตั้งคำถามว่า ทำไมคนเราต้องเกิด ต้องแก่ ต้องเจ็บ หรือต้องตาย คำถามเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกมาแล้ว ซึ่งก็ไม่เพียงเท่านั้น คำถามดีๆที่นอกจากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่ถามให้ดีขึ้นแล้ว ยังสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่ถูกถามให้ดีขึ้นได้ด้วย ซึ่งหนังสือเล่มนี้แต่งโดยท่าน ว.วชิรเมธี พระนักคิดนักเขียนชื่อดังของคนไทยค่ะ
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวม 32 ปัญหาจากประสบการณ์ชีวิตคนดัง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน รวมถึงคำตอบที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ค่ะ โดยการนำหลักธรรมต่างๆของพระพุทธเจ้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตของแต่ละคนได้ค่ะ
หนังสือเล่มนี้จะแบ่งแยกปัญหาต่างๆพร้อมคำตอบของปัญหาเหล่านั้นออกเป็น 5 หมวดค่ะ คือคำถามที่เกี่ยวกับชีวิต คำถามที่เกี่ยวกับความรัก คำถามที่เกี่ยวกับเพื่อน คำถามที่เกี่ยวกับข่าว และสุดท้ายคำถามที่ทำให้เกิดปัญญาค่ะ
ทั้งนี้ในแต่ละคำถามก็จะมีการยกตัวอย่างหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ มีการยกตัวอย่างเรื่องราวของบุคคลดัง ว่าเมื่อมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นเค้าจะมีมุมมองและวิธีรับมือกับปัญหานั้นๆอย่างไร
แต่โดยรวมๆแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็จะบอกว่าวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ก็ต้องเริ่มจากความเข้าใจในตัวปัญหาว่ามันคืออะไรและอยู่ที่จุดไหน แล้วก็เริ่มปรับเปลี่ยนทัศนคติรวมถึงมุมมองที่มีต่อเรื่องต่างๆให้สามารถเห็นและเข้าใจตามความเป็นจริง แก้ปัญหาด้วยสติและปัญญาที่มี
ใครอยากรู้ว่าทำไมชีวิตนี้มีแต่ปัญหา ทำไมโลกนี้ต้องมีคำนินทา เมืองไทยเมืองพุทธทำไมไม่หยุดเสื่อม มีวิธีใดบ้างที่ทำให้ใจสงบโดยไม่ต้องนั่งสมาธิ ผิดพลาดแล้วจะแก้อย่างไรไม่ให้ใจเป็นทุกข์ เปลี่ยนตัวเองอย่าไรไม่ให้เป็นคาสโนวา ซื่อสัตย์สุจริตทำไมชีวิตยังถูกโกง คนที่เรารักและคนที่รักเราเราจะเลือกใคร และถ้าใครที่อยากรู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะเจอคู่แท้ ก็สามารถหาอ่านได้ภายในเล่มนะคะ ยังมีคำถามเด็ดอีกมากมายเลยค่ะ
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีและทรงคุณค่าอีกเล่มหนึ่งเลยทีเดียว ภายในหนังสือก็จะประกอบไปด้วยคำถามและคำตอบ อีกทั้งยังมีมุมมองแง่คิดคำคมดีๆโดนใจมาประกอบการตอบคำถามได้ดีมากค่ะ และที่สำคัญก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง แค่เริ่มจากการเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อโลก คือมองจากมุมมองตามความเป็นจริง ไม่ใช่การมองโลกในแง่บวกมากเกินไป และไม่ใช่การมองในแง่อคติ
The Cupids บริษัทรักอุตลุด : กามเทพปราบมาร (ณารา)
4
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 04 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง กามเทพปราบมาร
หนังสือเรื่องนี้สนุกมากค่ะ อ่านแล้วก็เพลินเลยรวดเดียวจบ สำหรับเรื่องกามเทพปราบมารเป็นเรื่องที่แปดซึ่งเป็นเรื่องสุดท้ายจากทั้งหมดแปดเรื่องค่ะ เขียนโดยนักเขียนที่หลายๆคนรู้จักกันดีซึ่งก็คือณาราค่ะ
โดยกามเทพปราบมารอยู่ในหนังสือนวนิยายชุด ‘the Cupids บริษัทรักอุตลุด’ ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดหาคู่โดยให้แต่ละคนมานัดดูตัวกันในงานเลี้ยงน้ำชาค่ะ และเรื่องราวของนวนิยายชุดนี้ก็เกิดขึ้นจากเจ้านายสุดโหดอย่างภีม เตชะดำรงกุลผู้ที่มีวาจาเป็นอาวุธอีกทั้งยังถูกตั้งฉายาว่าฮิตเลอร์จากสาวๆทั้งแปดในคิวปิดฮัต ซึ่งก็เนื่องจากว่าการเป็นเจ้านายที่แสนบงการของเค้านั่นเองค่ะ และในวันหนึ่งเค้าก็ได้ดูถูกสาวๆทั้งหลายในบริษัทว่ามีหน้าที่ในการหาคู่ให้คนอื่นแต่ไม่มีปัญญาหาคู่ให้ตัวเอง ทำให้สาวๆโกรธกันสุดๆ และจากคำพูดนั้นบวกกับฤทธิ์ของน้ำเมา สาวๆทั้งแปดก็ได้ร่างสัญญาร่วมกันขึ้นมา โดยมีเงื่อนไขว่าทุกคนจะต้องหาแฟนให้ได้ภายในหนึ่งปี ถ้าใครเป็นคนสุดท้ายจะต้องจีบภีมเจ้านายสุดโหดให้ติดภายในสามเดือนเพราะไม่อย่างนั้นจะชวดเงินโบนัสไปให้กับคนที่มีแฟนแล้วค่ะ
เรื่อง กามเทพปราบมาร จะเป็นเรื่องราวของวราลีสาวสวยคนเก่งผู้เป็นมิตรกับทุกๆคนและเป็นผู้ได้รับฉายาว่าลีลา เพราะคุณเธอสามารถที่จะพลิกแพลงเหตุการณ์ต่างๆให้เข้าข้างเธออยู่ร่ำไป จนเจ้านายอย่างภีมจับไม่ได้ไล่ไม่ทันสักที อีกทั้งยังเป็นเสมือนไม้กันหมาชั้นดี เพื่อกันไม่ให้ภีมผู้เป็นเจ้านายเผลอตัวอาละวาดเอากับลูกน้องจนอาจถึงขั้นลาออกได้ค่ะ และเธอก็ยังพ่วงตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัวของซีอีโอหนุ่มอีกด้วย ส่วนพระเอกของเรื่องคือซีอีโอหนุ่มวัยสามสิบหกผู้ซึ่งเป็นเจ้านายขาโหดของลูกน้องจนได้รับฉายาฮิตเลอร์มาครอง อันเป็นผลมาจากความเจ้าเผด็จการของเจ้าตัว บวกความจู้จี้จุกจิก และปากร้ายมากๆ ยิ่งถ้าเห็นพนักงานในบริษัทจับกลุ่มเม้าท์กันให้เห็น ทุกๆคนก็จะถูกจิกกัดไปตามระเบียบเรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบและเป็นคนที่ตั้งเป้าหมายไว้กับลูกน้องไว้สูงมากๆค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นภีมก็ยังเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆในเรื่องค่ะ เพราะนอกเหนือจากความปากจัดและปากร้ายของเจ้าตัวแล้ว ภีมก็นับว่าเป็นผู้ชายที่หล่อมากค่ะ เนี้ยบสุดๆ และก็รวยด้วยค่ะ เรียกว่าเป็นผู้ชายในแบบที่ผู้หญิงหลายๆคนฝันถึงเลยค่ะ และตัวร้ายในเรื่องก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เขามาติดกับโปรไฟล์ที่แสนเพอร์เฟคของเค้า
เนื้อเรื่องของเรื่องนี้จะเป็นความรักระหว่างเจ้านายสุดเฮี้ยบกับเลขาสุดเพอร์เฟคค่ะ ซึ่งต้องบอกได้เลยว่าน่ารักมากๆ และพระเอกก็ขี้หึงสุดๆ หวงนางเอกมากๆ แบบประมาณว่าของของข้าใครห้ามแตะเลยเด็ดขาดค่ะ ซึ่งถึงแม้จะมีตัวร้ายเข้ามาแทรกกลางระหว่างภีมและวราลี แต่พอเจอฤทธิ์ของความปากจัดของภีมเข้าไปก็ต้องถอยหนีกันทุกรายค่ะ ซึ่งสุดท้ายแล้วความรักของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไร เมื่อในวันหนึ่งภีมรู้ความจริงจากสัญญาเจ้าปัญหาฉบับนั้น ลองติดตามอ่านดูได้นะคะ
5
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 03 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง ธรรมะเดลิเวอรี่ เล่ม 1 ธรรมะวัยรุ่น
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระที่สามารถเทศน์ได้อย่างคมคาย สนุกสนาน และสร้างเสียงหัวเราะไปกับธรรมะที่ท่านบรรยาย
ธรรมะเดลิเวอรี่ถือว่าเป็นหนังสือที่สอนธรรมะที่ทันสมัยเล่มหนึ่งในยุคนี้ โดยเนื้อหาของธรรมะในเล่มจะมุ่งเน้นกลุ่มวัยรุ่นเป็นสำคัญ โดยมีภาษาที่สละสลวย สอดแทรกด้วยหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างเปี่ยมล้น ภาษาก็อ่านง่าย สามารถเข้าใจได้ง่าย และที่สำคัญสามารถนำเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย เนื่องจากหลักธรรมต่างๆที่ท่านยกมาก็มักจะมีตัวอย่างที่ท่านเห็นได้ในชีวิตประจำวันหรือเป็นเรื่องราวของท่านเอง ยกมาประกอบเรื่องราวและหลักธรรมเสมอ และที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างมุ่งเน้นให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด โดยใช้ชื่อที่อินเทรนด์และนำสมัยเป็นอย่างมากซึ่งก็คือเดลิเวอรี่นั่นเอง เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกเข้าถึงธรรมะได้ง่ายขึ้น และเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของเค้าเองมากขึ้นด้วย
เนื้อหาของธรรมะวัยรุ่นเล่มนี้จะประกอบไปด้วยเนื้อหาหลักๆ 5 เรื่องค่ะ โดยเรื่องแรกคือ รู้จักโลกของวัยรุ่น ก็จะเป็นการบรรยายค่ะว่าวัยรุ่นในสมัยนี้เป็นอย่างไร และจะมีวิธีการอย่างไรที่จะนำธรรมะของพระพุทธเจ้าให้เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้ เรื่องที่สองคือ ไขปัญหาสารพัดเรื่องเรียน ก็จะเป็นการบรรยายเกี่ยวกับเรื่องเรียนว่าจะมีวิธีการเรียนที่ดีอย่างไร และจะมีวิธีการปฏิบัติตนในโรงเรียน ทั้งต่อตนเอง ต่อเพื่อน หรือต่อครูบาอาจารย์และรวมถึงพ่อแม่ที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกเรียนของลูกอย่างไร เรื่องที่สามคือ หลวงพี่ศิราณี…ตอบปัญหารัก ก็ตรงตัวเลยค่ะ จะเป็นการตอบคำถามปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับความรักในวัยเรียนที่จะต้องปฏิบัติตนอย่างไร เรื่องที่สี่คือ แก้ปมสังคมวัยทีน จะเป็นการบรรยายและตอบคำถามของพระมหาสมปองที่มีต่อปัญหาวัยรุ่นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการคลั่งดารา ปัญหาเรื่องสารเสพติด ปัญหาการยกพวกตีกัน ปัญหาเด็กติดเกมติดสื่อสังคมออนไลน์และเรื่องอื่นๆที่เป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่จบเสียทีของวัยรุ่นยุคนี้ และเรื่องสุดท้ายคือ ก้าวต่อไป…เป็นผู้ใหญ่ใจธรรมะค่ะ ก็จะเป็นการบรรยายว่าการเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ จะต้องเป็นแบบไหน จะต้องทำอย่างไรและข้างท้ายของหนังสือเล่มนี้จะเป็นประวัติของผู้เขียนซึ่งก็คือพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโตค่ะ
หนังสือเล่มนี้จะให้มุมมองและแนวคิดในการใช้ชีวิตในการเรียนที่ดีมากค่ะ อ่านก็ง่าย เพราะมีมุกตลอดเลย อ่านไปก็ยิ้มไปค่ะ เนื้อหาที่สอดแทรกหลักธรรมก็สามารถเข้าใจได้ อีกทั้งสามารถนำไปใช้ได้จริงด้วยนะคะ เป็นหนังสือธรรมะที่สอนใจและให้บทเรียนที่ดีผ่านการบรรยายที่มีอยู่ในหนังสือเล่มนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ
5
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 03 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง อัจฉริยะสร้างสุข
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นโดยหนูดี วนิษา เรซ ซึ่งเป็นผู้ที่จบปริญญาโทมาทางด้านสมองและการเรียนรู้ จากมหาวิทยาลัยอันดับที่1ของโลกอย่างฮาร์วาร์ด และเป็นผู้ที่เขียนหนังสือ Bestseller อัจฉริยะสร้างได้ อัจฉริยะเรียนสนุก เป็นผู้ที่แปลหนังสือ เดอะลาสต์เลกเชอร์ และเป็นเจ้าของรางวัลล้านที่15จากรายการอัจฉริยะข้ามคืน
อัจฉริยะสร้างสุข เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของสมองก้อนเล็กๆที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ทุกคน บางคนก็ไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วหัวใจคือสมองนั่นเอง หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมากๆ ในการเป็นตัวอย่างและคู่มือที่ดีในการสร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับตัวเราและความสุขนั้นก็สามารถทำให้เราฉลาดขึ้นได้ด้วย
ดิฉันรู้สึกทึ่งมากๆเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ โดยส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าความสุขจะทำให้เราฉลาดขึ้นได้เลย แต่หนังสือเล่มนี้สามารถบอกได้อย่างมีเหตุมีผลและมีการวิจัยที่รองรับความคิดนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ คงต้องยอมรับเลยว่า เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในหนังสือเล่มนี้สามารถที่จะเปลี่ยนความคิดและความเชื่อของดิฉันที่มีต่อหลายๆเรื่องเลยทีเดียว
หนังสือเล่มนี้จะทำให้เรารู้จักสมองและการทำงานของสมองได้ดี อีกทั้งการเรียนรู้ที่จะบริหารสมองให้มีความสุขและส่งผลให้เรามีความฉลาดที่เพิ่มมากขึ้นด้วย และยังมีแง่มุมแง่คิดอีกมากมายที่เราสามารถนำมาสร้างความสุขให้กับเราได้ และที่ดิฉันชอบมากๆคือการฝึกสมองให้มีความสุขจากเกม “เริ่มต้นที่ตอนจบ” ซึ่งก็คือการนึกไปถึงว่าถ้าเราอายุแปดสิบแล้วเราก็ต้องตายตอนอายุแปดสิบแล้วจินตนาการย้อนกลับไปมองทั้งชีวิตของเราว่าเป็นอย่างไรและเป็นผลมาจากอะไร ไม่ได้ทำอะไรแล้วจะเสียดาย แล้วถ้าไม่ได้ใช้เวลากับใครแล้วจะเสียดายที่สุด ซึ่งเมื่อดิฉันลองทำดูก็บอกเลยค่ะว่าทำให้เราได้คิดจริงๆว่าอะไรคือสิ่งที่เราจะทำในปัจจุบัน และเรื่องที่ประทับใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือการกลัวความล้มเหลวค่ะ ซึ่งถ้าเราไม่กลัวความล้มเหลวในโลกนี้เราก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้ว หนังสือเล่มนี้บอกมาค่ะ และอ้างอิงจากคำพูดของเจ.เค.โรวลิ่งด้วยว่าการล้มเหลวคือการกระชากเอาสิ่งที่ไร้สาระออกไป ซึ่งดิฉันเห็นด้วยเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ และมีอยู่คำหนึ่งที่ปัจจุบันดิฉันก็เอามันมาใช้อยู่ในยามที่เราเครียดหรือเราเองรู้สึกได้ว่าเรากำลังซีเรียสหรือจริงจังกับชีวิตมากไป ดิฉันก็จะเอามันออกมาใช้เสมอ นั่นก็คือคำว่าขอบคุณ ซึ่งก็ทำให้รู้สึกได้ว่าการที่เราขอบคุณสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ก็ทำให้เรามองโลกในแง่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้นจริงๆค่ะ และที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้และประทับใจมากๆเลยก็คือมุมมองที่ว่ามองโลกที่แสนจะธรรมดาเป็นสิ่งที่ดีและวิเศษที่สุดในโลกนี้แล้ว โดยทางผู้เขียนได้ยกตัวอย่างของเรื่องธรรมดาที่แสนจะพิเศษนั่นก็คือการที่เราไม่เป็นโรคร้ายแรง การที่เรายังคงมีงานทำอยู่ และการที่เรามีคนที่เรารักและรักอยู่ข้างๆ เพียงเท่านี้เราก็มีความสุขได้แล้วค่ะ ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่มากมายเลย มันก็คือการพอใจและมีความสุขกับสิ่งที่เรามีนั่นเองค่ะ
หนังสือเล่มนี้ทำให้ดิฉันได้เห็นคุณค่าของความสุขที่ไม่ได้มาจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย แต่ก็ทำให้ทุกๆวันมีความหมายได้ ซึ่งดิฉันจะยินดีและดีใจเป็นอย่างยิ่งนะคะถ้าทุกคนจะมีหนังสือดีๆแบบนี้ไว้ทุกบ้าน
คำคมโดนใจ...สุดสุด...
4
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 03 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง คำคมโดนใจ…สุดสุด…
หนังสือเล่มนี้จะเป็นการรวบรวมคำคมจากทั่วสารทิศมารวมไว้ในเล่มเดียว โดยมีคุณอภิราษฎ์ ชุ่มมงคล เป็นผู้ที่นำมาเรียบเรียง ทั้งนี้บางคำคมผู้เขียนก็แต่งขึ้นเอง บางคำคมก็นำมาจากหนังสือ วารสาร วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต รวมถึงสถานที่ต่างๆ ซึ่งคำคมทั้งหมดที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ เกิดขึ้นมาด้วยด้วยการเก็บสะสมมากกว่าหนึ่งปีของผู้เขียนค่ะ และในปัจจุบันก็ถูกตีพิมพ์ออกมาแล้วหลายครั้งและขึ้นเป็นBestsellerด้วยนะคะ
คำคมในเล่มนี้จะมีตั้งแต่คำคมสอนใจ ซึ่งจะเป็นคำคมที่สอนจิตใจว่าถ้ามีวิธีคิดเช่นนี้ชีวิตจะดำเนินไปในทิศทางใด คำคมก็เปรียบเสมือนสิ่งสั่งสมประสบการณ์ของผู้ที่เขียนมันขึ้นมาค่ะ คำคมในชีวิต จะเป็นคำคมที่เราสามารถที่จะนำเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ ส่วนคำคมบันดาลใจ จะเป็นเสมือนเครื่องมือที่เป็นแรงบันดาลใจ ที่เมื่อเราได้อ่านก็จะรู้สึกได้ถึงพลังจิตใจที่เพิ่มขึ้นและมากพอที่จะต่อสู้กับปัญหาหรือสิ่งที่เลวร้ายในชีวิตค่ะ คำคมสอนหญิง จริงๆบางประโยคหรือบางวลีเพศอื่นๆวัยอื่นๆก็สามารถที่จะนำไปใช้ได้นะคะ คำคมความรัก ก็จะพูดถึงคำคมที่เกี่ยวกับความรัก ทั้งแบบสมหวังไม่สมหวัง ทั้งรักแบบคนรัก หรือสอนให้รักตัวเอง ทั้งนี้ก็จะกล่าวถึงสภาพความเป็นจริงของความรักด้วยค่ะว่าเป็นอย่างไร คำคมกวนๆ อันนี้อ่านแล้วก็ต้องบอกว่าจี้จุดได้จริงๆค่ะ บางทีอ่านแล้วก็ขำ บางทีอ่านแล้วก็รู้สึกว่ามันก็จริงนะ และบางทีอ่านแล้วก็รู้สึกว่ามันก็เป็นไปได้นะ สำหรับคำคมคนสำเร็จ จะเป็นคำคมที่จะสอนเราว่าถ้าจะเป็นคนสำเร็จจะต้องมีวิธีการคิดหรือวิธีการที่จะสำเร็จอย่างไร คำคมคนทำงาน จะเป็นคำคมที่คนทำงานสามารถที่จะเอาไปใช้ได้ค่ะ ส่วนคำคมสุภาษิตจีน ก็ตรงตัวค่ะ คือเป็นคำคมที่เป็นสุภาษิตของจีนที่เป็นเสมือนคำกล่าวที่สอดแทรกเนื้อหาสาระ และการสอนจิตใจคนได้อย่างลึกซึ้งค่ะ ส่วนคำคมพุทธสุภาษิต ก็คือหลักธรรมะของทางศาสนาพุทธนี่แหล่ะค่ะ ซึ่งบางประโยคเราก็อาจจะเคยได้ยินหรือได้ฟังมาแล้ว และคำคมความสุข ก็จะเป็นคำคมที่สอนให้เข้าใจถึงธรรมชาติของชีวิตค่ะ ซึ่งถ้าเราเข้าใจได้ ก็จะทำให้เราสามารถที่จะยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ส่วนตัวดิฉันแล้วคำคมเป็นเสมือนกับการจุดเทียนให้สว่าง แต่ในที่นี้คือการจุดเทียนให้สว่างในใจของดิฉันเอง เพื่อเป็นการจุดประกายให้ดิฉันสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมีจุดหมายค่ะ
5
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 03 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง GRAYSCALE
เป็นหนังสือการ์ตูนที่มีมุมมองในเชิงบวก เขียนโดยมุนินฺ นักเขียนการ์ตูนที่ตอนนี้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งดิฉันได้เคยมีโอกาสอ่านหนังสือการ์ตูนก่อนหน้านี้ของมุนินฺมาแล้วเรื่องพฤหัสบายดี ซึ่งก็ทำให้ดิฉันยิ้มทั้งน้ำตามาแล้ว และเรื่อง GRAYSCALE ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ดิฉันสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน ความรัก มิตรภาพ ความเศร้า และความหมายของชีวิตในหนึ่งวัน รวมถึงมุมมองทางความคิดที่แสนอ่อนโยนและละมุนละไมเหลือเกินของผู้เขียน
หนังสือการ์ตูนเล่มนี้อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากค่ะ พล็อตเรื่องก็เป็นเรื่องพื้นฐานในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่ผู้เขียนสามารถที่จะเอามาร้อยเรียงผ่านมุมมองของผู้เขียนที่มีต่อเรื่องราวในแต่ละเรื่องได้อย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
หนังสือการ์ตูนเล่มนี้มีทั้งหมด 8 เรื่องค่ะ เรื่องที่ 1 คือเรื่องgrayscale : 1 จะเป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเสมือนภาพขาวดำที่ช่างไร้ชีวิตชีวาเสียเหลือเกิน เรื่องที่ 2 คือเรื่อง 31 จะเป็นเรื่องราวมิตรภาพระหว่างเด็กชายหญิงสองคน ที่คนหนึ่งมีอวัยวะในร่างกายแค่31แต่อีกคนมีอวัยวะใรร่างกายถึง33 เรื่องที่ 3 คือเรื่องลิเก เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ก็เกิดจากการที่เด็ก3คนดันไปบอกคนบ้าว่าที่ลานวัดมีลิเก ทั้งที่จริงๆแล้วไม่มี ซึ่งสุดท้ายแล้วเด็กๆทั้ง3คนจะทำอย่างไรเมื่อรู้ความจริงว่า น้องสาวของลุงคนนั้นถูกฆ่าตายที่วัด และในตอนนั้นก็เป็นคืนที่มีลิเก เรื่องที่ 4 คือเรื่องเอาไว้ก่อน จะเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบเก็บของที่ตกแล้ว แต่ก็มักจะเอาไว้ก่อน ไม่ยอมไปคืนเจ้าของ แต่แล้ววันหนึ่งความคิดเค้าก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อได้พบว่าตัวเค้าเองเก็บผู้หญิงได้ !!! เรื่องที่ 5 คือเรื่องever – last - thing เรื่องนี้ค่อนข้างเศร้ามากเลยค่ะ เนื้อเรื่องของเรื่องนี้จะเกี่ยวกับความรักที่มีให้กับเพื่อนสนิทที่มากกว่าเพื่อนค่ะ แต่ก็ไม่สามารถที่จะบอกออกไปได้เพราะว่าเป็นเพื่อนกันนี่แหล่ะ เรื่องที่ 6 คือเรื่องข้อยกเว้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อาจจะเศร้าเล็กๆในตอนแรก แต่ว่าในตอนสุดท้ายก็น่ารักมากเลยค่ะ ดิฉันไม่คิดว่ามิตรภาพที่เรามีให้แก่เพื่อนคนหนึ่งจะแสดงผ่านตัวละครในการ์ตูนได้ออกมาน่ารักมากมายขนาดนี้ ดิฉันอมยิ้มทั้งน้ำตาเลยล่ะค่ะ เรื่องที่ 7 คือเรื่องจบใหม่ เป็นเรื่องราของผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งจบใหม่ออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย แล้วก็ต้องมาทำงานในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ชอบ ไม่ได้ทำตามที่ตัวเองฝันไว้ซักนิด หัวหน้าก็ค่อนข้างเข้มงวดกับเค้าเสียเหลือเกิน และสุดท้ายแล้วเค้าจะอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้รักได้หรือไม่ก็ต้องติดตามอ่านดูนะคะ และเรื่องที่ 8 ซึ่งเป็นเรื่องสุดท้ายของเล่มนี้เลยคือเรื่อง grayscale : 2 จะเป็นตอนจบของผู้หญิงที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาพขาวดำน่ะค่ะ
เรื่องราวของนักเขียนคนนี้ที่วาดมันผ่านตัวละครแต่ละตัว และสื่อสารออกมาในแต่ละคำพูด ทำให้ดิฉันรู้สึกประทับใจมากค่ะ และช่างเป็นมุมมองแสนอ่อนโยนซะจริง เนื้อเรื่องก็เป็นเรื่องราวที่อยู่ในชีวิตปัจจุบันของคนเรา ที่บางทีเราอาจจะหลงลืมมันไปเมื่อกาลเวลาผันผ่าน แต่การ์ตูนเล่มนี้ก็ทำให้ดิฉันได้เห็นภาพอดีตเหล่านั้นได้ชัดเจนขึ้นค่ะ
5
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 03 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

หนังสือเรื่อง MY MANIA 1 DIRECTOR’S CUT
หนังสือเล่มนี้เป็นการ์ตูนแนวที่ดิฉันไม่เคยอ่านมาก่อนซึ่งเป็นการรวมเรื่องสั้นจิตหลุดของเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ โดยเนื้อเรื่องของแต่ละเรื่องจะมีการหักมุมทุกเรื่อง และที่สำคัญคือทุกเรื่องมีความน่าสนใจในตัวของมันเอง เนื้อเรื่องมีความน่าตื่นเต้น และชวนให้ลุ้นกันในตอนท้ายว่าตัวเอกของเรื่องจะเป็นอย่างไรเค้าจะต้องตายหรือจะมีวิธีการที่เหนือความคาดหมายอย่างไรที่จะไม่ต้องตาย
การอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกได้ว่าผู้เขียนมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก และมีความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างยิ่ง ดิฉันรู้สึกดีใจมากที่ประเทศไทยมีนักเขียนการ์ตูนที่เล่าเรื่องราวได้เก่ง วาดภาพได้ตรงกับอารมณ์ของเรื่อง และมีแนวคิดในการวางพล็อตเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้และไม่เหมือนใคร
จากการอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ที่นอกจากความสนุกที่ได้จากการอ่านแล้ว ดิฉันยังสามารถสัมผัสได้ถึงมุมมองที่เฉียบคม แง่คิดที่หลักแหลม ความจริงในปัจจุบัน และจิตใจดีชั่วในตัวมนุษย์ ซึ่งสอดแทรก แฝงเร้น และสะท้อนออกมาผ่านการกระทำที่ตรงไปตรงมาของตัวละครแต่ละตัวในการ์ตูน
โดยในเล่มนี้จะมีทั้งหมด 9 เรื่องด้วยกัน และในท้ายเรื่องของแต่ละเรื่องก็จะมีการใส่ความคิดเห็นเพิ่มเติมของผู้เขียนเพื่อให้เห็นถึงเรื่องราวเบื้องหลังของแต่ละเรื่อง โดยเรื่องที่ 1 คือเรื่องCASE STUDY เป็นเรื่องราวของมนุษย์ที่กลับกลายเป็นเหยื่อของปลา ซึ่งสุดท้ายแล้วจะมีชะตากรรมเป็นอย่างไร เรื่องที่ 2 คือเรื่องTHE SKETCHERโดยถ้ามนุษย์สามารถเอาตัวการ์ตูนที่ตัวเองวาดมาต่อสู้กัน ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เรื่องที่ 3 คือเรื่องTHE 13 QUIZ SHOWโดยถ้าทำได้13เกมก็จะได้เงินรางวัล 50 ล้าน ซึ่งเรื่องนี้ก็นำมาทำเป็นหนังด้วยคือเรื่อง13เกมสยอง เรื่องที่ 4 คือเรื่อง อย่าอ่านชะตาจะขาด ก็ตรงกับชื่อเรื่องเลยค่ะคือถ้าอ่านแล้วก็จะมีเหตุให้ต้องตาย โดยเรื่องนี้ก็ถูกนำมาทำเป็นหนังด้วยเช่นกันค่ะคือเรื่องยันต์สั่งตายใน4แพร่ง เรื่องที่ 5 คือเรื่อง SMOKE ซึ่งจะเป็นเรื่องของคนที่มีพรสวรรค์ในการทำของหรือวัยวะต่างๆให้เป็นควัน เรื่องที่ 6 คือเรื่อง MIRACLE เป็นเรื่องที่ผู้ชายคนหนึ่งได้ของอย่างหนึ่งมาเพื่อเอาไปให้คนที่รู้จัก แต่ก็เกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นระหว่างที่นำของสิ่งนั้นไปให้ เรื่องที่ 7 คือเรื่อง THE MOON EATER เป็นเรื่องราวที่ผู้ชายคนหนึ่งถูกส่งไปในที่ที่มีแต่ตัวประหลาดที่จะกินคน เรื่องที่ 8 คือเรื่อง คืนอัศจรรย์วัน 12 ขวบ เป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์ในการเล่นเกม แต่พ่อไม่ยอมซื้อคอมพิวเตอร์ให้ เลยไปแลกอายุขัยของตนเองเพื่อให้ได้คอมพิวเตอร์ และเรื่องที่ 9 ซึ่งเป็นเรื่องสุดท้ายของเล่มนี้คือเรื่องMY GALLERYซึ่งจะเป็นการรวบรวมผลงานของเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ซึ่งเป็นผู้เขียนการ์ตูนเล่มนี้นั่นเองค่ะ
5
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 02 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

หนังสือเรื่อง อัจฉริยะ…เรียนสนุก
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยหนูดี วนิษา เรซ ซึ่งเป็นผู้ที่ชนะล้านที่ 15 ของรายการอัจฉริยะข้ามคืน เป็นผู้ที่เรียนปริญญาโททางด้านสมองและการเรียนรู้ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นผู้ที่เขียนหนังสือ BESTSELLER อัจฉริยะสร้างได้ และปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านอัจฉริยภาพ(เพียงคนเดียวในไทย)
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมากเลยค่ะ และเป็นหนังสือที่เหมาะมากๆกับคนที่กำลังศึกษาเล่าเรียนหรือมีญาติพี่น้องที่กำลังเรียนอยู่ในขณะนี้ โดยเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ จะเป็นการรวบรวมเทคนิคและวิธีการเรียนที่หนูดี วนิษา เรซ ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ใช้ในสมัยเรียน ทั้งที่มหาวิทยาลัยแมริแลนด์และที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนเรียนอย่างมืออาชีพ เวลานักเรียนมืออาชีพอยู่ในห้องเรียน หลังเรียน-การเตรียมตัวสอบ และในห้องสอบ ว่าเราจะมีเทคนิควิธีการปฏิบัติอย่างไรที่จะทำให้เราสามารถที่จะเป็นคนที่เรียนดีและเป็นคนที่มีความสุขอีกทั้งยังมีเวลาได้ และที่สำคัญที่สุดคือไม่ขัดต่อการทำงานและธรรมชาติของสมองด้วยค่ะ ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตของการเรียนของนักเรียนและนิสิตนักศึกษาได้ค่ะ
หนังสือเล่มนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นหนังสือที่สามารถตอบโจทย์ได้ว่าการเป็นคนที่เรียนดีเรียนหนัก ก็สามารถเป็นคนที่มีความสุขและมีเวลาได้ อีกทั้งยังไม่ขัดต่อการทำงานและธรรมชาติของสมองด้วย ซึ่งหลายๆคนก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่าสิ่งนี้จะเป็นไปได้ด้วยหรือ ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อนะคะ พอดิฉันลองเอาเทคนิคเหล่านี้ลองไปใช้ดู จากลำดับที่ 11 ของระดับชั้นก็กลายเป็นที่ 1 ของระดับชั้นเลย ซึ่งถึงแม้ว่าที่ 1 ของโรงเรียนในระดับชั้นของดิฉันจะมีถึง 3 คนก็เถอะ แต่ดิฉันก็ดีใจมาก และก็นำเอาเทคนิคต่างๆมาประยุกต์ใช้เรื่อยมา แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะนำเอาเทคนิคต่างๆนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียนของตัวเองอย่างไรนะคะ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็จะบอกตั้งแต่ทักษะที่สามารถทำให้เราสอบได้คะแนนดีและอยู่รอดได้อย่างมีความสุข และยังมีเวลาเหลือให้เราทำอย่างอื่นได้ด้วย ซึ่งเป็นที่ทักษะที่เราควรฝึกอยู่เสมอ ซึ่งก็คือทักษะการอ่านเร็ว ทักษะการจดโน้ตที่ทรงพลัง ทักษะการจำแม่น จำได้นาน จำได้ทุกรายละเอียดที่สำคัญ และทักษะการฟังที่มีคุณภาพ อาหารที่มีดีต่อสมองและการบริหารสมอง เทคนิคการอ่านใจครูในการออกข้อสอบ เทคนิคการกันลืมเนื้อหาที่จำมาระหว่างการเข้าสอบ และรวมถึงประสบการณ์ในการเรียนและการนำเทคนิคต่างๆไปใช้ของหนูดีด้วยค่ะ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็จะบอกเราหมดค่ะว่าจะต้องฝึกและนำเทคนิคทักษะต่างๆไปปฏิบัติอย่างไร
เพชรประดับใจ
5
โดย: สุดใจ วันที่เขียนรีวิว: 02 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง เพชรประดับใจ
เรื่องนี้อ่านแล้วประทับใจมากค่ะ เนื้อเรื่องชวนติดตาม ดำเนินเรื่องกระชับฉับไวไม่เวิ่นเว้อ ชอบตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้เลยค่ะ อ่านแล้วก็รู้สึกได้ว่าตัวละครแต่ละตัวต่างก็มีความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร และที่สำคัญ เท่มากๆค่ะ เท่กันทุกๆคนเลย โดยเฉพาะพระเอกของเรื่องก็คือจิ จิราพันธ์ เป็นแพทย์ทหารหนุ่ม ภายนอกบุคลิกดูเรียบร้อยใส่แว่นทั้งๆที่จริงๆแล้วไม่ใช่คนที่สายตาสั้นแต่ใส่ไว้เพื่อปิดบังความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวในดวงตา จนบางทีดูออกจะทึ่มๆ แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่เจ้าเล่ห์มากค่ะ เป็นคนที่ช่างคิด ช่างวางแผน ชอบให้คนอื่นคิดว่าตัวเองน่ะเป็นคนที่ไม่ค่อยฉลาด ไม่เข้มแข็งไม่สมกับเป็นชายชาติทหารเหมือนกับคนในตระกูลซึ่งรับราชการทหารมาทุกยุคทุกสมัย แต่จริงๆแล้วพระเอกฉลาดมากค่ะ แถมยังหล่อมากด้วย และที่สำคัญเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากจะรู้อะไรก็ต้องรู้ให้ถึงที่สุด และที่สำคัญที่สุดพระเอกรักนางเอกมากๆ ส่วนนางเอกคือเพชร วชิรวีร์ ซึ่งเป็นนายทหารหญิงแห่งหน่วยข่าวกรอง บุคลิกของนางเอกจะออกห้าวๆ ดูไม่ค่อยเป็นผู้หญิงซักเท่าไหร่ แต่เป็นคนที่ตัดสินใจเร็ว เด็ดเดี่ยว ยิงปืนแม่น และฮามากๆ แถมชอบยั่วโมโหคนอื่นสุดๆ โดยเฉพาะคนที่ยั่วง่ายอย่างพระรองซึ่งก็คือนายรัชภูมิ์ แต่ถ้านางเอกไปยั่วโมโหพระเอกบ้าง ก็มักจะถูกพระเอกหยอกคืนจนอายและพูดไม่ออกไปซะทุกที ดิฉันชอบตอนที่นางเอกอยู่กับพระเอกมากๆค่ะ เพราะตอนที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักมาก บางทีพระเอกก็จะพูดจาเชือดเฉือนนางเอกบ้าง ทุ่มกันบ้าง ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าที่จะเป็นคู่รักกันได้เลย แล้วไม่ว่านางเอกจะทำอะไร อยู่ที่ไหน หรือก่อเรื่องอะไรไว้ ทุกๆอย่างก็จะอยู่ในสายตาของพระเอกตลอดเวลา และนางเอกก็เหมือนจะรู้ตัวเหมือนกันนะคะ ว่าไม่มีอะไรที่คนอย่างจิราพันธ์อยากได้แล้วไม่ได้ หรืออยากจะรู้เรื่องอะไร ก็จะรู้จนถึงที่สุด
หนังสือเรื่องเพชรประดับใจ แต่งขึ้นโดยแรบบิท ซึ่งเป็นผู้เขียนเดียวกันกับเรื่องหัวขโมยแห่งบารามอส ซึ่งเป็นที่ประทับใจใครหลายๆคนมาแล้ว และสำหรับเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวความรักที่มีสมบัติของตระกูลและเรื่องราวความบาดหมางของรุ่นพ่อรุ่นแม่มาเกี่ยวข้องซึ่งพินัยกรรมของตระกูลก็ระบุให้คนทั้งสองคนต้องแต่งงานกันฝ่ายชายถึงจะได้รับมรดกพันล้าน ซึ่งถ้าฝ่ายหญิงเป็นผู้ปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้ ทางฝ่ายชายก็จะได้มรดกแค่ครึ่งเดียว แต่ถ้าทางฝ่ายชายเป็นผู้ปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้ ฝ่ายหญิงก็จะเป็นผู้ได้รับมรดกทั้งหมดไป
ที่พีคสุดๆของเรื่องนี้ก็คือ มีเพชรซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องนี้ถึงสองคนในตอนกลางเรื่องค่ะ ซึ่งพระเอกก็จะต้องเลือกและตัดสินใจว่าเพชรคนไหนที่จะเป็นเพชรของเค้า เป็นฉากที่ประทับใจมาก เพราะการที่คนสองคนที่เหมือนกันมากทั้งรูปร่างหน้าตา และแม้แต่การพูดก็เหมือนกัน เราจะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่านั่นคือคนของเรา ไม่ใช่คนอื่น ซึ่งพระเอกก็ดูเหมือนจะเลือกไม่ถูกไปเหมือนกันค่ะ แต่สุดท้ายแล้ว สายใยที่เชื่อมโยงระหว่างคนสองคนเอาไว้ก็เป็นตัวช่วยที่ทำให้พระเอกตัดสินใจได้ว่า ใครคนไหนคือเพชรตัวจริง และจะเป็นเพชรที่จะประดับอยู่ในใจของเค้าไปนานแสนนาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจมาก ทำให้เรารักตัวละครทุกตัว และรู้สึกว่าตัวละครทุกตัวต่างมีความเป็นตัวของตัวเองและมีความเท่ไปกันคนละแบบค่ะ
อ่านนิยายมาแล้วก็หลายเรื่อง แต่ก็มีเพียงไม่กี่เรื่องที่จะทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมใจ เต็มตื้น และทำให้เรารู้สึกว่ามีพลังแห่งรักอยู่ในหัวใจได้ขนาดนี้ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ ที่ทำให้ฉันรู้สึกเช่นนั้นได้
www.batorastore.com © 2024